ผู้ที่เป็นโรคอักเสบทางนรีเวชควรทานอะไร?

ผู้ที่เป็นโรคอักเสบทางนรีเวชควรทานอะไร?

การอักเสบทางนรีเวชเป็นหนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว อาหารการกินยังมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยร่นระยะเวลาการฟื้นตัว และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ แล้วผู้ที่เป็นโรคอักเสบทางนรีเวชควรทานอะไรและควรงดอะไรเพื่อให้อาการดีขึ้นเร็วไว? บทความต่อไปนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างชัดเจนนะคะ

1. โภชนาการส่งผลต่อสุขภาพช่องคลอดอย่างไร?

อาหารการกินมีผลโดยตรงต่อสภาพแวดล้อมภายในช่องคลอด ซึ่งเป็นที่อยู่ของระบบนิเวศจุลินทรีย์ตามธรรมชาติที่ประกอบด้วยแบคทีเรียดีและแบคทีเรียไม่ดี เมื่อการกินอาหารขาดความสมดุล ภูมิต้านทานจะลดลง ทำให้ค่า pH ในช่องคลอดเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ซึ่งเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา Candida หรือแบคทีเรียที่เป็นอันตราย

ผลกระทบหลักของโภชนาการที่มีต่อสุขภาพทางนรีเวช ได้แก่:

  • การรักษาค่า pH ในช่องคลอดให้คงที่: อาหารบางชนิดช่วยเพิ่มแบคทีเรียดีแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ซึ่งทำหน้าที่เป็น “เกราะป้องกัน” ช่องคลอด
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: เมื่อร่างกายแข็งแรง ความสามารถในการต่อต้านแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการอักเสบในช่องคลอดก็จะดีขึ้น
  • ลดการอักเสบและฟื้นฟูความเสียหาย: อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุช่วยให้เยื่อบุช่องคลอดหายเร็วขึ้น
  • จำกัดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำ: การเลือกอาหารที่ถูกต้องช่วยลดความเสี่ยงที่จุลินทรีย์จะเสียสมดุลจนนำไปสู่การอักเสบซ้ำ

2. เป็นอักเสบในช่องคลอดควรทานอะไร?

ต่อไปนี้คือกลุ่มอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยให้อาการช่องคลอดอักเสบดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยฟื้นฟูร่างกายให้หายเร็วขึ้น

2.1. โยเกิร์ต

โยเกิร์ต โดยเฉพาะชนิดที่มีโปรไบโอติก ช่วยเติมจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัส ซึ่งช่วยฟื้นฟูสมดุลของระบบนิเวศในช่องคลอด การทานโยเกิร์ตทุกวันจะช่วยปรับค่า pH ในช่องคลอดให้คงที่ เพิ่มจุลินทรีย์ดีเพื่อต่อสู้กับเชื้อราแคนดิดา และช่วยลดอาการตกขาวผิดปกติ

เพราะฉะนั้น ควรเลือกทานโยเกิร์ตสูตรไม่หวานหรือรสธรรมชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มปริมาณน้ำตาล ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เชื้อราเจริญเติบโต

2.2. ผักใบเขียวและผลไม้

ผักและผลไม้เป็นแหล่งของ Vitamin A, C, E และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมสำหรับระบบภูมิคุ้มกัน

  • ผักคะน้า, ผักโขม, บรอกโคลี: อุดมไปด้วยใยอาหารและแร่ธาตุ ช่วยล้างสารพิษในร่างกายและลดการอักเสบ
  • แครอท, ฟักทอง: ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเยื่อบุช่องคลอด
  • ผลไม้ เช่น ส้ม, สตรอว์เบอร์รี, กีวี: อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและต้านการอักเสบตามธรรมชาติ
  • เมื่อร่างกายแข็งแรงจากภายใน ความเสี่ยงที่อาการอักเสบจะกลับมาเป็นซ้ำก็จะลดลงอย่างมาก

2.3. กระเทียม

กระเทียมถือเป็น “ยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติ” มีสารอัลลิซิน (Allicin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่รุนแรง ช่วยกำจัดแบคทีเรียและเชื้อราที่เป็นอันตรายได้หลายชนิด

ผู้หญิงทุกคนสามารถนำกระเทียมมาประกอบอาหารในแต่ละวัน หรือทานกระเทียมสด (หากร่างกายรับไหว) อย่างไรก็ตาม ไม่ควรทานมากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดอาการร้อนในและไม่สบายท้องได้

2.4. ถั่วเหลือง

ถั่วเหลืองมีสารไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ถั่วเหลืองช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน ช่วยเพิ่มน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ แก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง และเพิ่มภูมิต้านทานให้กับจุดซ่อนเร้น ลดการกลับมาเป็นซ้ำของการอักเสบ

สามารถดื่มนมถั่วเหลือง ทานเต้าหู้ หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองแท้ที่มีน้ำตาลน้อย

2.5. น้ำเปล่า

การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้กระบวนการขับสารพิษเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น ช่วยลดกลิ่นและช่วยรักษาความชุ่มชื้นในจุดซ่อนเร้น น้ำช่วยเจือจางตกขาวที่ข้นเหนียว ลดอาการแสบร้อน ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ควรดื่มน้ำวันละ 1.5 – 2 ลิตร ควบคู่กับน้ำผักผลไม้หรือน้ำมะพร้าวเพื่อเติมแร่ธาตุให้กับร่างกาย

3. ช่องคลอดอักเสบควรหลีกเลี่ยงทารอะไร?

นอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว คุณควรจำกัดอาหารที่อาจทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้นหรือทำให้โรคหายช้าลง

3.1. อาหารรสจัดและฤทธิ์ร้อน

พริก พริกไทย และซอสน้ำพริกเผา ทำให้ร่างกายร้อนขึ้น เพิ่มการหลั่งสารคัดหลั่ง ส่งผลให้จุดซ่อนเร้นอับชื้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อรา นอกจากนี้ อาหารรสเผ็ดยังทำให้อาการคันและแสบรุนแรงขึ้นอีกด้วย

3.2. สารกระตุ้น

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และบุหรี่ จะลดภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้ต่อสู้กับเชื้อก่อโรคได้ยากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ระดับฮอร์โมนเสียสมดุล และเพิ่มความเสี่ยงที่โรคจะกลับมาเป็นซ้ำ

3.3. อาหารหวานและน้ำตาลสูง

น้ำตาลคือแหล่ง “อาหาร” ชั้นเลิศของเชื้อราแคนดิดา การบริโภคน้ำตาลปริมาณมากจะกระตุ้นให้เชื้อราเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดตกขาวลักษณะข้นขาว มีอาการคัน และทำให้ช่องคลอดอักเสบกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย

อาหารที่ควรจำกัด: ชานม ขนมหวาน ช็อกโกแลต น้ำอัดลม,…

3.4. อาหารที่มีไขมันสูง

ของทอดและอาหารฟาสต์ฟู้ดทำให้ย่อยยาก ลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้เกิดความร้อนในร่างกายได้ง่าย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อาการอักเสบทางนรีเวชหายช้าลง

3.5. อาหารหมักดอง

กิมจิ ผักดอง มะเขือดอง… มีความเป็นกรดสูงและมีจุลินทรีย์ที่ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังมีอาการช่องคลอดอักเสบ อาหารเหล่านี้อาจทำให้ค่า pH ในช่องคลอดเสียสมดุล ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว และทำให้อาการหายช้าลง

4. สิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกันภาวะช่องคลอดอักเสบ

นอกจากการรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการแล้ว คุณควรรักษานิสัยดังต่อไปนี้เพื่อป้องกันและลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของปัญหาทางนรีเวช:

  • รักษาความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี: ทำความสะอาดแค่ภายนอกเท่านั้น ห้ามสวนล้างช่องคลอด
  • ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยน: เลือกสูตรที่ไม่มีสารทำความสะอาดรุนแรง และมีค่า pH ที่เหมาะสม
  • สวมใส่ชุดชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี: เลือกเนื้อผ้าคอตตอน และไม่รัดแน่นจนเกินไป
  • เปลี่ยนกางเกงในทุกวัน ซักให้สะอาดและตากแดดให้แห้ง
  • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย: ใช้ถุงยางอนามัย และทำความสะอาดก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นอนามัยทุกวัน เพราะอาจทำให้เกิดความอับชื้นได้ง่าย
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ออกกำลังกาย นอนหลับให้เพียงพอ และดื่มน้ำให้มากพอ
  • ตรวจภายในเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อตรวจหาความผิดปกติที่อาจซ่อนอยู่ตั้งแต่เนิ่นๆ
  • เสริมภูมิคุ้มกันจากภายในด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: ทาน Lardy Green วันละ 2 เม็ด เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพและดูแลระบบภายในของผู้หญิง

การรับประทานอาหารอย่างถูกวิธีช่วยสนับสนุนการรักษาภาวะช่องคลอดอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดการกลับมาเป็นซ้ำ สาวๆ ควรเน้นอาหารที่ดีต่อแบคทีเรียชนิดดี เช่น โยเกิร์ต ผักใบเขียว ผลไม้ กระเทียม ถั่วเหลือง และดื่มน้ำให้เพียงพอ ในขณะเดียวกัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของหวานจัด อาหารมัน และสารกระตุ้นต่างๆ เพื่อไม่ให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้น

นอกจากการดูแลเรื่องโภชนาการแล้ว ควรควบคู่ไปกับการรักษาความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี ใช้ชีวิตอย่างถูกสุขลักษณะ และตรวจภายในเป็นประจำนะคะ การใส่ใจดูแลสุขภาพในทุกๆ วันจะช่วยให้จุดซ่อนเร้นแข็งแรงและลดความเสี่ยงในการกลับมาติดเชื้อซ้ำด้วยค่ะ