Chubsorn Nipaporn

Quản lý

Block "nguyen-tac-xuat-ban-noi-dung" not found

BÀI VIẾT CỦA TÁC GIẢ

โรคเยื่อบุปากมดลูกอักเสบระยะที่ 1

โรคเยื่อบุปากมดลูกอักเสบระยะที่ 1: อาการ ระดับความอันตราย และวิธีรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ

โรคเยื่อบุปากมดลูกอักเสบระยะที่ 1 เป็นระยะเริ่มต้นของโรคปากมดลูกอักเสบ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรคที่พบบ่อยในกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ แม้ในระยะนี้ยังไม่รุนแรงมาก แต่หากละเลยอาจทำให้โรคลุกลาม อันตรายต่อสุขภาพเจริญพันธุ์ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก หรือแม้กระทั่งมะเร็งปากมดลูก แล้วโรคเยื่อบุปากมดลูกอักเสบระยะที่ 1 คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร และรักษาได้อย่างไร? มาทำความเข้าใจโดยละเอียดในบทความนี้กันค่ะ 1. โรคเยื่อบุปากมดลูกอักเสบระยะที่ 1 คืออะไร? เยื่อบุปากมดลูกอักเสบ เกิดขึ้นเมื่อเซลล์เยื่อบุภายในปากมดลูกเจริญเติบโตลุกลามออกมาบริเวณภายนอกปากมดลูก และสัมผัสโดยตรงกับสภาพแวดล้อมในช่องคลอด ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือปรสิตได้ง่ายขึ้น หากอยู่ในระดับที่ 1 พื้นที่ของเยื่อบุที่ลุกลามจะกินพื้นที่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของผิวปากมดลูก อาการในช่วงแรกมักจะไม่ชัดเจน ผู้หญิงหลายคนอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีภาวะนี้ อย่างไรก็ตาม อาจพบอาการบางอย่าง เช่น ตกขาวออกมากผิดปกติ เหลว หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ บริเวณจุดซ่อนเร้นเปียกชื้น คันง่าย บางครั้งมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ แม้จะเป็นแค่ระยะเริ่มต้นหรืออาการไม่รุนแรง แต่ถ้าไม่ได้รับการตรวจหรือรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ โรคเยื่อบุปากมดลูกอักเสบระดับ 1 ก็สามารถลุกลามไปถึงระดับ 2...

จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นแต่ไม่คัน: สาเหตุ และ วิธีรักษา

ปัญหาจุดซ่อนเร้นมีกลิ่นไม่พึงประสงค์แต่ไม่คัน เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในผู้หญิงหลายคน แม้จะไม่มีอาการคันหรือแสบเจ็บ แต่มีกลิ่นอับเรื้อรังอาจกระทบความมั่นใจ ส่งผลต่อชีวิตคู่ และแฝงความเสี่ยงโรคทางนรีเวช แล้วสาเหตุมีอะไรบ้าง? และจะแก้ไขได้อย่างไร? 1. สาเหตุของจุดซ่อนเร้นมีกลิ่นแต่ไม่คัน กลิ่นไม่พึงประสงค์บริเวณจุดซ่อนเร้นไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับอาการคันหรือแสบ ในความเป็นจริง มีหลายปัจจัย ทั้งเรื่องฮอร์โมน พฤติกรรมการใช้ชีวิต ไปจนถึงโรคแอบแฝง ที่ทำให้เกิดปัญหานี้ การเข้าใจสาเหตุอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผู้หญิงเลือกวิธีแก้ไขที่เหมาะสม ลดความกังวล และปกป้องสุขภาพได้ทันเวลา 1.1 การทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นไม่เหมาะสม หากรักษาความสะอาดจุดซ่อนเร้นไม่ถูกวิธี หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงเกินไป อาจทำให้สมดุลจุลินทรีย์ตามธรรมชาติของช่องคลอดเสียไป เปิดทางให้แบคทีเรียเจริญเติบโต ส่งผลให้เกิดกลิ่นอับ แม้จะไม่มีอาการคัน 1.2 ภาวะช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis – BV) ช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรียเป็นสาเหตุพบบ่อยที่ทำให้ “น้องสาว” มีกลิ่นคาวหรือกลิ่นเหม็นอ่อน ๆ แม้ไม่ได้คันก็อาจมีอาการเหม็นชัดเจน โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์ 1.3 สาเหตุจากประจำเดือนและหลังคลอด ในช่วงมีประจำเดือน หรือหลังคลอด สารคัดหลั่งในช่องคลอดเปลี่ยนแปลงรวมกับเลือดประจำเดือนหรือของเหลวหลังคลอด อาจทำให้กลิ่นเปลี่ยนไป ส่วนใหญ่เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นนานกว่าปกติควรเข้ารับการตรวจ 1.4...

แยกแยะการอักเสบของจุดซ่อนเร้นจากเชื้อราและจากแบคทีเรีย

แยกแยะการอักเสบของจุดซ่อนเร้นจากเชื้อราและจากแบคทีเรีย

คุณทราบไหมว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะประสบกับอาการอักเสบของจุดซ่อนเร้นอย่างน้อยหนึ่งครั้ง นี่คือโรคทางนรีเวชที่พบบ่อยมาก ทำให้เกิดความลำบากในชีวิตประจำวัน และส่งผลกระทบต่อชีวิตคู่ ด้วย ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการอักเสบที่เกิดจากเชื้อรา Candida และการอักเสบที่เกิดจากแบคทีเรีย (bacterial vaginosis – BV) สิ่งที่น่าสนใจคือ อาการของทั้งสองชนิดนี้มีความคล้ายคลึงกันมาก ทำให้ผู้หญิงมักสับสน ถ้ารักษาผิดสาเหตุ อาการอาจกลับมาเป็นซ้ำหลายครั้งและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงต่อสุขภาพการเจริญพันธุ์ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า อาการอักเสบนี้เกิดจากเชื้อราหรือแบคทีเรีย? เรามาทำความเข้าใจอย่างละเอียดในบทความนี้ เพื่อให้คุณรู้ทันและดูแลรักษาได้อย่างถูกต้องทันเวลาค่ะ 1. การอักเสบของจุดซ่อนเร้นคืออะไร? การอักเสบของจุดซ่อนเร้นคือภาวะการติดเชื้อภายในช่องคลอดที่เกิดจากความไม่สมดุลของระบบจุลินทรีย์ เชื้อรา หรือแบคทีเรียก่อโรค นี่เป็นโรคในระบบสืบพันธุ์ที่พบบ่อยในผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ โดยสาเหตุหลักคือการอักเสบจากเชื้อรา Candida และแบคทีเรีย (bacterial vaginosis – BV) ซึ่งทั้งสองชนิดมีอาการและสาเหตุแตกต่างกัน จึงต้องแยกแยะให้ชัดเจนเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง 2. อาการของการอักเสบจุดซ่อนเร้นจากเชื้อราและแบคทีเรีย 2.1 การอักเสบจากเชื้อรา Candida มีตกขาวข้นและเป็นก้อนคล้ายก้อนเต้าหู้ มีอาการคันและแสบรุนแรงที่จุดซ่อนเร้น เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์หรือเวลาปัสสาวะ อวัยวะเพศภายนอกอาจบวมแดง ไม่สบายตัว 2.2 การอักเสบจากแบคทีเรีย (BV)...

โรคปากมดลูกอักเสบ

โรคปากมดลูกอักเสบ: สาเหตุ อาการ และวิธีการรักษา

โรคปากมดลูกอักเสบ เป็นหนึ่งในโรคทางนรีเวชที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โรคนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดอาการตกขาวผิดปกติ ปวดแสบ และไม่สบายตัวเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงหากไม่ได้รับการตรวจพบและรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้น การเข้าใจถึงสาเหตุ สัญญาณอาการ และแนวทางการรักษาโรคปากมดลูกอักเสบอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผู้หญิงสามารถป้องกัน ดูแลสุขภาพเจริญพันธุ์ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยค่ะ 1.โรคปากมดลูกอักเสบคืออะไร? โรคปากมดลูกอักเสบ คือภาวะที่เซลล์ต่อมบริเวณปากมดลูกมีการเจริญเติบโตเกินปกติ ลุกลามออกมายังผิวด้านนอกของปากมดลูกและสร้างสารคัดหลั่งมากขึ้น เมื่อมีการปนเปื้อนกับเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือปรสิต ก็จะเกิดภาวะอักเสบตามมา แม้โรคนี้จะจัดว่าเป็นโรคชนิดไม่ร้ายแรง แต่มีแนวโน้มกลับมาเป็นซ้ำง่าย ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน และยังอาจกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์หากไม่ได้รับการรักษาและควบคุมอย่างเหมาะสม 2. สาเหตุของโรคปากมดลูกอักเสบ สาเหตุที่พบได้บ่อยของโรคปากมดลูกอักเสบ ได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย หรือมีเพศสัมพันธ์รุนแรง ส่งผลให้เยื่อบุปากมดลูกได้รับบาดเจ็บ ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน การดูแลความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศไม่ถูกวิธี หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของสารเคมีแรงเกินไป การตั้งครรภ์คลอดบุตรบ่อย หรือการทำแท้ง อาจทำให้โครงสร้างปากมดลูกเปลี่ยนแปลง ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำ ทำให้แบคทีเรียและเชื้อราเจริญเติบโตได้ง่าย 3. อาการของโรคปากมดลูกอักเสบ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค โรคปากมดลูกอักเสบสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ โดยแต่ละระดับจะมีอาการแตกต่างกันดังนี้ 3.1...

Lardy Green – ดูแลสุขภาพนรีเวช ป้องกันการอักเสบและเชื้อรา

LARDY GREEN – ดูแลสุขภาพผู้หญิง ป้องกันการติดเชื้อและเชื้อรานรีเวช

หากปัญหาการติดเชื้อทางรีเวชไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่ผลเสียร้ายแรง เช่น แสบ เจ็บเรื้อรัง ความต้องการทางเพศลดลง ขาดความมั่นใจ ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว รวมไปถึงเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก และมะเร็งปากมดลูกได้ Lardy Green เป็นตัวช่วยจากสมุนไพรธรรมชาติ ที่ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ รักษาสุขภาพจุดซ่อนเร้นให้แข็งแรงและปลอดภัยในระยะยาว 1. สถานการณ์โรคติดเชื้อทางรีเวชของผู้หญิงไทย ผู้หญิงไทยมักเผชิญกับปัญหาโรคติดเชื้อในช่องคลอดในอัตราที่สูง เนื่องจากสภาพอากาศร้อนชื้น สภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคนี้ไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่ความเสี่ยงเรื่องภาวะมีบุตรยาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง โรคติดเชื้อในช่องคลอดถือเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง จากสถิติพบว่า ในผู้หญิง 10 คน จะมีถึง 7 คนที่เคยประสบปัญหานี้อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต สาเหตุอาจเกิดจากการดูแลสุขอนามัยที่ไม่ถูกต้อง การเสียสมดุลของฮอร์โมน หรือการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ด้วย 2. สาเหตุของการเกิดโรคติดเชื้อทางนรีเวช โรคติดเชื้อทางนรีเวชอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ปรสิต หรือปัจจัยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ 2.1 ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เกิดขึ้นเมื่อสมดุลของจุลินทรีย์ในจุดซ่อนเร้นถูกรบกวน ทำให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเจริญเติบโตมากขึ้น มักเกิดจากการทำความสะอาดผิดวิธี การสวนล้างลึก...

ตกขาวผิดปกติคืออะไร?

ตกขาวผิดปกติคืออะไร?

ตกขาวเป็นปรากฏการณ์ทางสรีรวิทยาปกติของผู้หญิง มีบทบาทสำคัญในการปกป้องสุขภาพจุดซ่อนเร้น อย่างไรก็ตาม หากตกขาวมีความผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพภายในสตรีที่รุนแรงได้ แล้วตกขาวผิดปกติคืออะไร? มีสาเหตุมาจากอะไร และจะป้องกันหรือรักษาอย่างไรให้ได้ผล? มาร่วมค้นหาคำตอบโดยละเอียดได้ในบทความนี้ค่ะ 1. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตกขาว ตกขาว หรือที่เรียกว่าสารคัดหลั่งจากช่องคลอด เป็นสิ่งปกติทางสรีรวิทยาของผู้หญิง มีหน้าที่ช่วยทำความสะอาดช่องคลอด ให้ความชุ่มชื้น และปกป้อง “จุดซ่อนเร้น” จากเชื้อโรคต่างๆ โดยปกติแล้ว ตกขาวจะมีสีขาวใส ลักษณะยืดหยุ่นคล้ายไข่ขาว ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่ทำให้เกิดอาการคันหรือแสบ ในบางช่วง เช่น ช่วงไข่ตก ก่อนมีประจำเดือน หรือหลังการกระตุ้นทางเพศ ตกขาวอาจออกมากกว่าปกติได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมชาติ และไม่ควรกังวล ตกขาวผิดปกติเกิดขึ้นเมื่อใด? เมื่อใดก็ตามที่ตกขาวเปลี่ยนสี กลิ่น ปริมาณ หรือก่อให้เกิดอาการไม่สบาย ควรระวังว่าอาจกำลังประสบปัญหาตกขาวผิดปกติ สัญญาณตกขาวผิดปกติที่ควรสังเกต ได้แก่: ตกขาวมีสีเหลือง เขียว น้ำตาล หรือปนเลือด มีกลิ่นเหม็นคาวแรง กลิ่นปลาเน่า หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ ตกขาวมีลักษณะข้น หนืดเป็นก้อน มีฟอง...

โรคติดเชื้อในช่องคลอด ควรกินอะไรและควรหลีกเลี่ยงอะไร

โรคติดเชื้อในช่องคลอด ควรกินอะไรและควรหลีกเลี่ยงอะไร? 5 อันดับอาหารบำรุงช่องคลอดให้แข็งแรง ลดการอักเสบ

นอกจากการรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นอย่างถูกต้องแล้ว การรับประทานอาหารในแต่ละวันก็มีบทบาทอย่างมากในการช่วยรักษาและป้องกันโรคติดเชื้อในผู้หญิงด้วย เช่นนั้น เมื่อมีอาการติดเชื้อในช่องคลอด ผู้หญิงควรกินอะไรและควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไหน มาดูรายละเอียดในบทความนี้เพื่อคำตอบที่ถูกต้องค่ะ 1. โภชนาการมีผลต่อสุขภาพช่องคลอดอย่างไร? การรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันส่งผลโดยตรงต่อลำไส้และจุลินทรีย์ในช่องคลอด อาหารบางชนิดช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน รักษาสมดุลค่า pH ภายในช่องคลอด และลดการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียที่ก่อปัญหา ในทางกลับกัน การกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพจะทำให้ภูมิต้านทานลดลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการอักเสบซ้ำที่ช่องคลอด 2. เมื่อติดเชื้อในช่องคลอด ควรกินอะไร? เลือกทานอาหารที่เหมาะสมจะช่วยบรรเทาอาการ สนับสนุนการรักษา และลดเวลาในการฟื้นตัว ดังนี้คือ 5 อาหารแนะนำ 2.1 โยเกิร์ต โยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ดีโปรไบโอติก โดยเฉพาะ Lactobacillus acidophilus ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ช่องคลอด รักษาระดับ pH ธรรมชาติ และป้องกันเชื้อรา Candida ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของการอักเสบช่องคลอด 2.2 ถั่วเหลือง ถั่วเหลืองอุดมไปด้วยไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง มีประโยชน์โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ฮอร์โมนผิดปกติซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มโอกาสติดเชื้อในช่องคลอด 2.3 ผักใบเขียวและผลไม้สด ผักใบเขียว เช่น ผักโขม...

Lardy Green ทานตอนไหน?

Lardy Green ทานตอนไหน?

Lardy Green ควรทานตอนไหน? ช่วงเวลาทองดูแลฮอร์โมนสำหรับผู้หญิง ฮอร์โมนเพศหญิงที่ลดลงไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องความงาม แต่ยังกระทบสุขภาพ และชีวิตรักของผู้หญิงอย่างรุนแรงอีกด้วยนะคะ Lardy Green เป็นผลิตภัณฑ์เสริมฮอร์โมนที่ได้รับความนิยมในหมู่สาวๆ ด้วยคุณสมบัติปรับสมดุลภายใน บำรุงสุขภาพผู้หญิง และเสริมสมรรถภาพทางเพศ อย่างไรก็ตาม ควรทาน Lardy Green ตอนไหนจึงได้ผลดีสุด เป็นคำถามที่คุณผู้หญิงหลายคนอยากรู้ บทความนี้มีคำตอบให้ค่ะ 1. ภาพรวมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Lardy Green Lardy Green เป็นผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นและพัฒนาจากสูตรดังในประเทศฝรั่งเศส ผลิตจากส่วนประกอบธรรมชาติที่ปลอดภัย ได้แก่: สาหร่ายสไปรูลิน่านำเข้าจากอเมริกา: ช่วยปรับสมดุลระบบฮอร์โมนและเพิ่มการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศหญิง ถั่วเหลือง: อุดมด้วยไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ซึ่งเป็นเอสโตรเจนจากพืช ช่วยบำรุงผิวพรรณและคงความสมดุลของฮอร์โมน งาดำ และ ดอกฮอปส์: คู่หู “สูตรวัยทอง” ที่ช่วยแก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง ฮอร์โมนไม่สมดุล ลดอาการร้อนวูบวาบและปัญหานอนไม่หลับ ตังกุย, ขมิ้น: บำรุงเลือด ปรับรอบเดือน และช่วยลดการอักเสบภายในผู้หญิง ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการรับรองจาก...

ตกขาวคืออะไร

ตกขาวคืออะไร? สาเหตุ อาการผิดปกติ และ วิธีรักษา

ตกขาวคืออะไร? อาการผิดปกติและวิธีรักษาอย่างได้ผล ตกขาว (ระดูขาว) เป็นปรากฏการณ์ทางสรีรวิทยาตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์จนถึงวัยหมดประจำเดือน มีบทบาทสำคัญในการปกป้องสภาพแวดล้อมในช่องคลอดและช่วยการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากตกขาวมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสี กลิ่น หรือปริมาณมากผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพทางนรีเวชร้ายแรงขึ้นที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม 1. ตกขาวทางนรีเวชคืออะไร? ตกขาวปกติจะมีลักษณะเป็นสีขาวขุ่นหรือใส ไม่มีกลิ่นหรือมีกลิ่นอ่อน ๆ มักจะออกมากขึ้นในช่วงตกไข่ ขณะตั้งครรภ์ หรือก่อนมีประจำเดือน ตกขาวผิดปกติ คือ เมื่อตกขาวมีการเปลี่ยนสี (เช่น สีเหลือง สีเขียว สีน้ำตาล ฯลฯ) มีกลิ่นเหม็น คันหรือแสบ หรือทำให้เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่พบบ่อยในโรคทางนรีเวช เช่น ช่องคลอดอักเสบ เชื้อราแคนดิดา หรือปากมดลูกอักเสบ เป็นต้น 2. สาเหตุของตกขาวผิดปกติ ตกขาวผิดปกติสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ดังต่อไปนี้คือสาเหตุที่พบบ่อย: ความผิดปกติของฮอร์โมน: มักพบในผู้หญิงหลังคลอด วัยใกล้หมดประจำเดือน หรือเกิดจากความเครียด และการใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน การติดเชื้อรา แบคทีเรีย: มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนไม่ดี ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ง่าย...

การติดเชื้อราในช่องคลอด

เชื้อราภายในช่องคลอดคืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาให้หายขาด

เชื้อราภายในช่องคลอดเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพช่องคลอดที่พบบ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะในวัยเจริญพันธุ์ แม้โรคนี้จะไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี เชื้อราภายในช่องคลอดอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพระบบสืบพันธุ์และคุณภาพชีวิตของผู้หญิงได้ ดังนั้น เรามาทำความรู้จักกับสาเหตุ สัญญาณเตือน วิธีรักษา และการป้องกันตกขาวเชื้อราอย่างมีประสิทธิภาพผ่านบทความนี้กันค่ะ 1. เชื้อราภายในช่องคลอดคืออะไร? เชื้อราภายในช่องคลอดคือ ภาวะที่บริเวณอวัยวะเพศหญิงอักเสบติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อราจำพวกยีสต์ โดยเชื้อที่พบได้บ่อยที่สุดคือ Candida albicans ซึ่งปกติแล้วเชื้อนี้จะอยู่ในช่องคลอดในปริมาณที่สมดุล แต่เมื่อสภาพแวดล้อมในช่องคลอดเปลี่ยนไป (เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ดูแลทำความสะอาดไม่ถูกวิธี หรือใช้ยาบางชนิดมากเกินไป) เชื้อราจะเจริญเติบโตมากกว่าปกติและก่อให้เกิดอาการรบกวนต่างๆ เช่น อาการคัน ตกขาวผิดปกติ ฯลฯ ผู้หญิงทุกวัยสามารถเสี่ยงต่อการเป็นเชื้อราภายในช่องคลอดได้ โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ ผู้ที่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ 2. สาเหตุของเชื้อราภายในช่องคลอด การรู้เท่าทันสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค จะช่วยให้ผู้หญิงป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้ ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นไม่ถูกวิธี: การสวนล้างลึก ใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง หรือดูแลความสะอาดไม่ดีในช่วงมีประจำเดือน การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน: ในช่วงตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด หรือในวัยใกล้หมดประจำเดือน ทำให้ pH ในช่องคลอดเปลี่ยนแปลง เป็นช่องทางให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน:...